การสำรวจดิน 🎯คือกรรมวิธีการเจาะดิน, การเก็บตัวอย่าง, การทดสอบดินในสนาม, การหยั่งลึกชั้นดิน ⚡หรือใช้เทคนิคอื่น ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งลักษณะชั้นดินทั้งทางแนวดิ่ง และลักษณะการเปลี่ยนแปลงทางแนวราบ เพียงพอในการที่จะใช้ออกแบบ 🎯หรือศึกษาทางด้านปฐพีกลศาสตร์ การเจาะสำรวจดินต้องพิจารณาการใช้งาน เช่น งานถนนหรือสนามบิน การสำรวจจะเป็นการเจาะตื้น แต่งานฐานรากเสาเข็มต้องเจาะลึกกว่าปลายเข็มที่ใช้ ⚡สำหรับในบทนี้จะพูดถึงการเจาะสำรวจดินโดยวิธีเบื้องต้น โดยใช้ สว่านมือ (Hand Auger), การเจาะล้าง ⚡และการเก็บตัวอย่างดินโดยใช้กระบอกเปลือกบาง (Thin Walled Tube)📢
🦖🦖🦖เหตุผลในการเจาะสำรวจดินก่อนก่อสร้าง✅✅✅
1. การทราบประเภทและชนิดของดินใต้พื้นที่ 📢และรู้ลักษณะเชิงกลของดิน ช่วยให้เราเลือกฐานรากได้อย่างถูกต้อง 🌏เช่น หากดินแข็งพออาจจะเลือกใช้เป็นฐานแผ่แทน🎯
2. การรู้ความลึกของชั้นดินแข็ง 🎯ช่วยในการคำนวณกำลังรับน้ำหนักเสาเข็ม👉 เลือกขนาดและความยาวเสาเข็มที่ต้องใช้ได้⚡
3. การลดความเสี่ยงในการตอกเสาเข็ม 👉เพราะหากพบชั้นดินแข็งแต่ไม่หนาและลึกไม่มาก 📢อาจทำให้คนตอกเสาเข็มหยุดตอก เพราะคิดว่าถึงชั้นดินแข็งแล้ว 🦖ทั้งที่จริง ๆ สามารถตอกทะลุลงไปได้อีก 📌หากดินในบริเวณที่สำรวจมีความผันผวนมาก วิศวกรควรสั่งเจาะสำรวจดิน (https://groups.google.com/g/comp.security.ssh/c/w39XNN-WJcI)หลายหลุม เพื่อเปรียบเทียบ ✨เพราะอาจต้องออกแบบฐานรากหลายชนิด สำหรับก่อสร้างอาคารนั้น🥇
(https://i0.wp.com/xn--82ca0bu1cyat1crc0a8k9g.com/wp-content/uploads/2024/07/Wash-Boring-vs-Rotary-Drilling.jpg?resize=306%2C205&ssl=1)
⚡⚡⚡วิธีเจาะสำรวจชั้นดิน (Soil Boring)🌏🌏🌏
การเจาะดิน👉คือการการขุดหลุมในดินเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของชั้นดิน⚡และเก็บตัวอย่างดินเพื่อนำมาทดสอบคุณสมบัติในห้องปฏิบัติการ🦖โดยทั่วไปการสำรวจชั้นดินที่ใช้มากในประเทศไทย 👉ได้แก่
1. การเจาะโดยใช้สว่านมือ (Hand Auger) 📢เป็นการเจาะที่ใช้แรงคน โดยใช้สว่านมือและแท่งเจาะดังรูปด้านล่าง ✨โดยที่ก้านเจาะยาวประมาณ 1 เมตร สามารถต่อเพิ่มความยาวได้หลายท่อน เมื่อกดพร้อม ๆ กับหมุนก้านจนดินเข้ามาเต็มสว่านแล้วจึงดึงขึ้นเพื่อนำดินออก 📢ดินส่วนนี้สามารถนำไปทดสอบคุณสมบัติทางวิศวกรรมบางประเภทได้ 🌏การเจาะด้วยสว่านมืออาจทำได้ลึกถึง 6–10 เมตร ในดินเหนียวแข็งปานกลาง 🎯ข้อเสียของวิธีการเจาะนี้คือไม่สามารถเก็บตัวอย่างดินเพื่อทดสอบความแข็งแรงหรือการทรุดตัวได้เนื่องจากโครงสร้างดินถูกทำลายโดยสว่าน🦖
2. การเจาะโดยใช้การฉีดล้าง (Wash Boring) 🎯คือการใช้แรงดันน้ำฉีดเจาะทำลายโครงสร้างดินเพื่อให้เกิดหลุม และเกิดการรบกวนดินด้านล่างน้อยที่สุด 🥇วิธีการเจาะเริ่มโดยการเจาะชั้นดินโดยการสูบน้ำผ่านก้านเจาะลงไปที่หัวฉีดที่ก้นหลุมพร้อม ๆ กับกระแทกหรือหมุนของหัวเจาะ ✅ทำให้ดินที่ก้นหลุมถูกฉีดและไหลตามน้ำขึ้นมาบนผิวดินลงในอ่างตกตะกอน จากนั้นสูบน้ำที่ใสนำกลับมาใช้ใหม่ 🛒ดังรูปด้านล่าง วิธีนี้ต้องอาศัยโครงสามขา เครื่องกว้าน (Motor และ Catch head) 🥇และเครื่องสูบน้ำ ในกรณีที่เจาะดินอ่อน จะต้องใช้ปลอกกันดินพัง (Casing)ด้วย โดยต่อเป็นท่อน ๆ ✅และเมื่อเจาะถึงชั้นทรายจะไหลเข้ามาในหลุมจึงจำเป็นต้องผสมสารเบนโทไนต์ (Bentonite) ลงไปกับน้ำ ⚡เนื่องจากเบนโทไนต์คือแร่ชนิด Montmollionite มีความสามารถในการดูดน้ำดีและพองตัวได้มาก 📢ทำให้ความหนาแน่นของน้ำภายในหลุมมากกว่าน้ำในชั้นทราย⚡ น้ำจึงไม่ไหลเข้าในหลุม การเจาะประเภทนี้สามารถหยุดเพื่อเก็บตัวอย่างดินได้เป็นระยะ ๆ ตามกำหนด 📌การเจาะสำรวจในกรุงเทพฯ เพื่อก่อสร้างอาคารจะเจาะสำรวจตั้งแต่ 30-80 เมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับน้ำหนักของอาคาร🥇