หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่ "หลุดนักเรียน" ต้องเผชิญคือ มุมมองจากสังคมที่มักตีตราแง่ลบ คนไม่ใช่น้อยมั่นใจว่าการออกจากสถานที่เรียนหมายความว่าความล้มเหลว หรือเป็นคนที่ไม่มีความสามารถ ในขณะที่อันที่จริง คนเหล่านี้อาจมีทักษะเฉพาะที่เด่นและก็สมรรถนะที่ไม่ธรรมดา
ในโลกที่ยึดติดกับใบปริญญา การที่นักเรียนคนหนึ่งเลือกออกจากระบบการเรียนบางทีอาจถูกมองว่าแปลกแยก ไหมเป็นที่ยอมรับ แต่ว่าช่วงหลังๆความนึกคิดนี้เริ่มแปรไป โดยยิ่งไปกว่านั้นเมื่อมีคนที่ใครๆก็รู้จักระดับนานาชาติออกมาเล่าประสบการณ์ของตนเอง อย่างเช่น Steve Jobs, Bill Gates หรือ Mark Zuckerberg ที่ออกมาจากมหาวิทยาลัยเพื่อไล่ตามความฝัน จนกระทั่งกลายเป็นบุคคลสุดยอด
เรื่องราวพวกนี้เป็นแรงบันดาลใจให้กับ "หลุดนักเรียน" คนไม่ใช่น้อย ว่าความเสร็จไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ในห้องเรียน แต่สามารถกำเนิดได้จากความคิดริเริ่ม ความพยายาม และความองอาจในการเสี่ยง
การเติบโตส่วนตัวจากการหลุดระบบ
สำหรับบางบุคคล การออกจากสถานศึกษาเป็นจุดเริ่มต้นของการค้นพบตัวเอง การหลุดจากกรอบเดิมๆเปิดโอกาสให้ตรวจความสนใจ ความสามารถ และความสามารถในแบบที่ระบบการเรียนรู้บางทีอาจไม่เคยมองเห็น
ยกตัวอย่างเด็กนักเรียนที่ออกมาจากสถานศึกษาเพื่อเดินตามทางศิลป์ ในห้องเรียนบางทีอาจรู้สึกอึดอัด แต่เมื่อออกมาแล้วกลับสามารถฝึกซ้อม ปรับปรุงความสามารถ รวมทั้งทำงานประดิษฐ์ได้อย่างมาก ผู้คนจำนวนมากในสายงานศิลป์ ดนตรี หรือวางแบบ ต่างก็ประสบความสำเร็จโดยไม่ต้องพึ่งวุฒิการศึกษาแบบเป็นทางการ
ในสายงานเทคโนโลยีหรือธุรกิจ การไม่มีวุฒิก็อาจไม่เป็นปัญหา แม้สามารถพิสูจน์ความรู้ความเข้าใจได้ ตัวอย่างเช่น คนที่ออกมาจากสถานศึกษาแล้วเรียนเขียนรหัสด้วยตัวเอง อาจก้าวไปสร้างบริษัทซอฟต์แวร์ของตัวเองได้
นอกจากนี้ การออกจากสถานที่เรียนยังบางทีอาจเป็นโอกาสในการแก้ไขทางจิต เด็กนักเรียนที่จำต้องออกมาจากระบบเนื่องจากว่าถูกกลั่นแกล้ง มีปัญหาครอบครัว หรือปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพจิต อาจใช้เวลานี้สำหรับการรักษาตัว ฟื้นฟูสภาพจิตใจ แล้วก็ก้าวผ่านความเจ็บในอดีต
