• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

8 สิ่งที่ได้ทราบ จากการเป็นลูกจ้างมาครึ่งชีวิต

Started by dsmol19, April 06, 2023, 02:24:24 PM

Previous topic - Next topic

dsmol19

1. ด้วยเหตุว่าพวกเรามิได้เกิดมาเพื่อปฏิบัติงานอย่ างเดียว

เรามิได้ปฏิบัติงานแล้วแฮปปี้ทุกวัน บ่อยมากที่พวกเรากลับไปบ้ า นแล้วอย ากจะลาออกมันซะเดี๋ยวนั้น แต่ว่าหากเรามีเป้าหมายอื่นๆในชีวิต เป็นต้นว่า วิ่งมาราธอน, ปลูกต้นไม้ และก็ยังรวมทั้งต่อ ป.โท

การเปลี่ยนโหมดมาทำเรื่องที่พวกเราถูกใจจะก่อให้อารมณ์ดีขึ้น รวมทั้ง เพิ่มความแน่ใจ เพราะการเฟลจากที่ดำเนินการส่วนใหญ่มักทำให้เราท้อแท้ใจ และก็ขาดความมั่นใจและความเชื่อมั่นในตัวเอง ส่วนตัวสำหรับเรามันมีผลถึงการเข้าสังคม การตัดสินใจในเรื่องงาน และก็ อีกเพียบเลย


ยกตัวอย่ าง... มีสหายคนนึงถูกใจตัดเย็บเสื้อผ้ามาก ตั้งใจจริงขนาดลงคอร์สเรียนเส า ร ์อาทิตย์ ในตอนนี้ดำเนินงานประจำไปด้วย ตัดเสื้อผ้าขายไปด้วย จนกระทั่งตอนนี้เปิดร้านขายออนไลน์สร้างเป็นอาชีพเสิรมที่มีรายได้มากยิ่งกว่างานประจำไปละ

2. หัวหน้าก็คนนะ.. รู้ยัง

สำหรับมนุษย์เงินเดือนตัวจ้อยอย่ างเรา สิ่งที่พวกเราเคารพนับถือที่สุดในที่ทำงานก็คงหนีไม่พ้นเจ้านาย คนที่เป็นหัวหน้างานเองก็มีนิสัยแตกต่างกันไป อย่ างตัวเราเคยพบทั้งๆที่แบบขึ้นชื่อว่าโ ห ด สุดๆทำงานหนัก ไปจนถึงวันๆไม่ทำการทำงาน รอสั่งคนโน่นทีคนนี้ที แม้กระนั้นพอใช้ได้มองดีๆพวกเราก็พบว่า เฮ้ย หัวหน้าก็คนนี่หว่า

แม้กระนั้นคนๆนี้มันจะมาบ่นว่าเกียจคร้านตื่น หรือโดนนายสั่งงานมากมายไม่ได้ไง ทำไมน่ะหรอ นอกเหนือจากการที่จะโดนหัวหน้าของเค้าเองหมั่นไส้แล้ว ลูกน้องก็ยังจะไม่ให้ความนับถือด้วย หนำซ้ำบางทีก็อาจจะหาเรื่องกันเสียระบอบการปกครองทั้งทีม


ถ้าให้แนะนำก็อย ากจะบอกว่าพย าย ามเข้าใจเค้าดีมากยิ่งกว่าว่าเค้าก็เป็นมนุษย์อย่ างพวกเราๆนี่แหละ เป็นคนดีบ้ า งคนพาลบ้ า ง นิสัยก็ต่างกันบ้ า งเป็นเรื่องปกติ อย่ าเห็นว่าพวกเรากับเค้าอยู่คนละขั้วกัน อย ากให้มองดูในมุมที่ว่าถ้าพวกเราไม่ทำงานให้เค้า เค้าจะเอางานที่ไหนไปส่งละ จริงๆหัวหน้าเลิกงานก็อย ากกลับบ้ า นไปพบครอบครัว

มิได้อย ากอยู่ดึกๆให้คนที่บ้ า นเป็นห่วงหรอก เวลาว่างก็ไม่ได้อย ากทำงาน ก็อย ากท่องเที่ยวเหมือนกันนั่นแหละ แต่เพียงแค่ออกหน้าชอบบ่นแบบพวกเรามิได้ ตำแหน่งมันค้ำคอ ลองนึกดู

เพียงแค่พวกเราพรีเซ็นท์งานกับหัวหน้าก็เกร็งจะแ ย่ นี่เค้าต้องเอางานพวกเราไปเสนอกับหัวหน้าฝ่าย หรือ CEO ลูกน้องคนไหนที่ช่วยแบ่งเบาภาระเค้าได้เยอะแยะ เค้าก็จะรักคนนั้นเป็นธรรมดา

3. อย่ าเชื่อมั่นในตัวเองเกินความจำเป็นในโลกออนไลน์

ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยมั่นใจว่าโลกโซเชียลเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโ พ ส ต์ อะไรมันก็สิทธิ์ของเรา แต่ว่ารู้รึเปล่าว่า HR ยุคนี้นอกจากจะมอง resume เราแล้ว ยังมองเ ฟ ส บุ ค ของพวกเราด้วย เพื่อนพ้องเราที่เป็น HR รับรองมาว่า Social media บอกความเป็นตัวตนที่แท้จริงของเราได้มากกว่า Resume เป็นสิบเท่า เห็นไหมว่าตัวตนบนโลกอินเตอร์เน็ต

ของพวกเรานั้นส่งผลกับพวกเราตั้งแต่ก่อนเข้างานซะอีก เมื่อพวกเราเป็นพนักงานประจำสุดกำลัง เรื่องเหล่านี้ยิ่งต้องระวัง อย่ างพวกเราเป็นไม่แตะต้องเฟสบุ้คเลย หรือถ้าหากจะโ พ ส ต์ /แ ช ร์อะไร ก็คิดแล้วว่าถ้าเกิดหัวหน้ามามองเห็นก็ช่างเถอะ


หากอย ากมีพื้นที่ส่วนตัวจริงๆเสนอแนะให้แยกเฟสสถานที่ทำงาน กับ เฟสส่วนตัวเลย แล้วปิดสาลำธารณพด้วย เนื่องจาก ส่วนมากคนในที่ทำงานเค้าก็ขอแอดกันอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องดราม่าในที่ทำงาน คนนั้นคนนี้ เบื่องาน หัวหน้าโง่ ห้ามโ พ ส ต์ เด็ดขาด โ พ ส ต์ ปุ้บมีคนแคปปั้บแน่ๆ...!! เตือนแล้วนะ

4. จุดโฟกัสที่ทางวิ่งของเรา สนใจ ใส่ใจ แต่ว่า... อย่ าเก็บลู่วิ่งคนอื่นมาอิจฉา

ตอนปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ เพื่อนฝูงพวกเราคนไม่ใช่น้อยเริ่มศึกษาต่อ สร้างครอบครัว บางคนเปลี่ยนแปลงงานไปงานที่ค่าตอบแทนรายเดือนสูงสุดๆบางคนเริ่มธุรกิจของตน บางคราวพวกเราเลื่อนดูหน้าเฟสแล้วก็แอบคิดนะว่า เฮ้ย...!! คนนั้นคนนี้ก้าวหน้า แล้วตัวเราล่ะทำอะไรอยู่ แต่บอกเลยว่าชีวิตพวกเขาก็ไม่ได้ดีมากกว่าพวกเราหรอกดีไม่ดีเพื่อนฝูงคนไม่ใช่น้อยบางครั้งอาจจะกำลังอิจฉาชีวิตพวกเราอยู่ก็ได้

เคยมีคนเดินมาบอกเราว่าแหม ชีวิตดีจังนะ... คือตัวเราเองก็ไม่ได้คิดเลยว่าชีวิตพวกเราดี สิ่งที่เราคัดกรองโ พ ส ต์ ลงโซเชียลนั่นแหละที่ดี ต้องจำไว้ว่าอย่ าเอาจังหวะชีวิตของเราไปเปรียบเทียบกับคนอื่น

โฟกัสที่ทางวิ่งของพวกเรา ทราบดีว่าเรากำลังจะทำอะไร ทราบว่าปลายทางพวกเราอยากอะไร รู้ว่าวันนี้เราปฏิบัติดีกว่าเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ก็พอเพียงแล้ว แอบดูทางวิ่งคนอื่นๆบ้ า งเป็นบางครั้ง เพื่อเป็นแรงก ร ะ ตุ้ น ให้เราขมักเขม้นกับชีวิตเพิ่มมากขึ้น แต่ว่าอย่ าเก็บมาตั้งใจกระทั่งกังวลเพียงพอ

5. เล่นการเมืองกับทุกคน

ประเดี๋ยวก่อน...!! อย่ าพึ่งตระหนกตกใจไป.. เล่นการเมืองกับทุกคนไม่ได้มีความหมายว่า ให้เราไม่ต้องจิรงจิตใจกับผู้ใดกัน แต่ว่า... แปลว่า " พวกเราไม่ฝักใฝ่ข้างใด " อย่ างที่รู้กันว่าในที่ทำงานหลายๆที่

มีการเล่นพวกเล่นพ้อง หรืออยู่ๆก็จะมีเสียงแว่วมาว่า คนนี้เด็กคนนั้น ซึ่งจากการเฝ้าสังเกตุมาเป็นระยะเวลา 3 ปี พบว่าคนที่เล่นการเมือง (มากๆ) ส่วนใหญ่ไม่มีความสุข ยิ่งพวกที่ตำแหน่งโตๆแม้กระนั้นเล่นเค้าไว้มากนี่ห้ามพลาดท่าเลยนะ มีคนรอซ้ำเยอะเลย


" เล่นการเมืองกับทุกคน " ในความหมายนี่คือ... การที่พวกเรามองว่าคนนี้เป็นคนอย่างไร จะเข้ากับเขาได้อย่ างไร มิได้กล่าวว่าให้สตอเบอร์รี่ หรือ ฝ่าฝืนตนเอง แต่... แต่ละคนเขาก็มีพื้นฐานนิสัย ความพอใจ

โตมาในสังคมที่แตกต่างกัน การที่พวกเราดูแล้วทราบว่าจะ " อยู่ร่วมกับเขาแบบเป็นมิตร " ได้อย่ างไรจะมีผลให้เราดีกว่ามากมายๆเว้นเสียแต่วางตัวง่ายแล้ว พวกเราจะไม่มีศั ต รู เคสนี้รวมทั้งบางบุคคลที่ดูแล้วผิดจริตกัน

การวางตัวกับเขาก็คือเฉยๆทักทายสวัสดีตามมารย าท ไม่จำเป็นต้องไปคุยก็ไม่ต้องคุย... พวกเราไม่เคยรู้หรอกว่าวันนึงโลกจะเหวี่ยงเราเข้าไปปฏิบัติงานกับคนไหนกันแน่ ดังนั้น อย่ าสร้างศั ต รู เด็ดขาด ถึงมิได้ร่วมงานกันในบริษัทนี้ แต่ในอนาคต อาจได้วัวรจรมาร่วมงานกันในที่ใหม่ๆก็ได้

6. โดนด่าวันนี้ ดียิ่งกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50

เนื่องจากว่าอายุยังน้อย ความคาดหวังจากคนที่อยู่รอบข้างมันเลยน้อยตามไปด้วย ถึงเราจะรู้สึกกดดันสำหรับการทำงานสุดๆแต่ว่าเชื่อเถอะ พวกเราล้มเหลววันนี้ ดีกว่าเราไปล้มตอนอายุ 50 พี่ๆที่เขาอยู่จนกระทั่ง 50-60 ก็ผ่านช่วงเวลาแบบเรามาแล้ว

สิ่งที่อย ากจะแนะนำคือ.. ใช้เวลานี้ให้คุ้มค่า พวกเรามิได้อายุ 20 กว่าๆตลอดกาล อย ากทำอะไรทำ อย ากถามอะไรโ ง่ๆก็ให้รีบถาม พรีเซ้นแล้วมันแย่ก็พรีเซ้นไปเรื่อยๆฝึกฝนไปเรื่อยๆโดนดุในขณะนี้

เ จ็ บ น้อยกว่าโดนดุด่าตอนอายุ 50 มากมาย ถึงจะผิดพลาด ด้วยความยังเด็ก แล้วก็ อ่อนประสบการณ์ คนส่วนใหญ่พร้อมจะให้อภัยพวกเราเสมอ ด้วยเหตุนี้ ล้มเหลวเยอะมากๆเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์

วามผิดแผกแตกต่างระหว่าง " เพื่อนพ้อง " กับ " เพื่อนร่วมงาน " คืออะไร ที่เค้าพูดว่ายิ่งโต ยิ่งหาเพื่อนพ้องย ากก็น่าจะจริง สมัยประถม การหาเพื่อนใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม รวมทั้งการหาเพื่อนฝูงในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแสดงว่ายิ่งเราโตขึ้นมากแค่ไหน พวกเราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นแค่นั้น และไม่จะต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนพ้องที่จริงใจคนนึงในสำนักงานมันย ากขนาดไหน


นอกจากจะมีเรื่องมีราวผลตอบแทน อีกทั้งตำแหน่ง ค่าตอบแทนรายเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนค่าตอบแทนรายเดือนอย่ างเราเป็นไปทำงาน ไม่ได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาสหาย โดยเหตุนั้นวันๆเราจึงจะเจอแค่เพื่อนพ้องร่วมทีม ซึ่งส่วนมากแล้วหลังจากนั้นก็เป็นการคุยกันเพียงแค่เรื่องงานเพียงแค่นั้น

เราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้อีกทั้งเรื่องส่วนบุคคลแล้วก็เรื่องงาน กล่าวได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน รวมทั้งเพื่อนผู้ร่วมการทำงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้วสนิทใจแบบงี้ พวกเรารู้สึกว่ามันเป็นผลกำไรชีวิต พย าย ามหาคนพวกนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหนึ่งก็ยังดี ) ไม่มีความจำเป็นที่ต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ เพียงแค่ได้เผชิญ

คุยแลกเปลี่ยนความเซ็งก็ดีแล้ว ให้พวกเราลองถามตนเองว่า "ถ้าเกิดพวกเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอเพื่อนจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

7. หาคนที่เป็นมากกว่า " เพื่อนผู้ร่วมการทำงาน " ให้เจอ แล้วจะอย ากไปทำงานมากขึ้น

ไม่เหมือนกันระหว่าง " เพื่อนฝูง " กับ " สหายร่วมงาน " เป็นอย่างไร ที่เค้าบอกว่ายิ่งโต ยิ่งหาสหายย ากก็น่าจะจริง ยุคประถม การหาเพื่อนฝูงใหม่ไม่ย ากเท่ายุคมัธยม และก็การหาเพื่อนพ้องในยุคมัธยมก็ไม่อย ากเท่าตอนเข้ามหาวิทย าลัย มันแปลว่ายิ่งพวกเราโตขึ้นเท่าไหร่ เราจะหาเพื่อนพ้องย ากขึ้นแค่นั้น

และไม่จำเป็นต้องบอกเลยว่าการหาเพื่อนฝูงที่แท้จิตใจคนนึงในออฟฟิศมันย ากแค่ไหน นอกจากจะมีเรื่องผลตอบแทน ทั้งยังตำแหน่ง เงินเดือน การวัด เข้ามาเกี่ยวด้วย หน้าที่หลักของผู้คนเงินเดือนอย่ างพวกเราคือไปปฏิบัติงาน มิได้ไปทำกิจกรรมสานชมรมหาเพื่อน โดยเหตุนี้วันๆเราก็เลยจะพบแค่เพื่อนร่วมทีม ซึ่งจำนวนมากและก็เป็นการคุยกันแค่เรื่องงานเท่านั้น

พวกเราโชคดีที่พบทีมที่ดี คุยได้ทั้งยังเรื่องส่วนตัวแล้วก็เรื่องงาน พูดได้ว่าเป็นทั้งเพื่อน และก็เพื่อนร่วมงานในคราวเดียวกัน การมีกลุ่มที่อยู่ด้วยแล้ววางใจอย่างงี้ พวกเรามีความรู้สึกว่ามันคือกำไรชีวิต

พย าย ามหาคนกลุ่มนี้ให้พบในสังคมการทำงาน แล้วเราจะอย ากไปทำงานมากขึ้น ( นิดหน่อยก็ยังดี ) ไม่จำเป็นต้องอยู่กลุ่มเดียวกันก็ได้ แค่ได้เผชิญ เสวนาแลกความเซ็งดีแล้ว ให้เราลองถามตนเองว่า "หากเราลาออกจากที่นี่ พวกเรายังจะอย ากนัดหมายคนนี้กินข้าวอยู่ไหม" ถ้าหากคำตอบเป็นใช่ ยินดีด้วย คุณเจอสหายจริงๆในสถานที่สำหรับทำงานแล้ว

8. จงเป็น " ผู้รับจ้างมืออาชีพ "

สรุปสั้นๆตามหัวข้อเลย ถ้าเกิดอย ากประสบผลสำเร็จ แล้วก็ มีความสุข จงเป็น " ผู้รับจ้างมือโปร " ให้ได้ กล่าวง่ายแต่ว่าทำย ากนะ เพราะว่าผู้รับจ้างมืออาชีพก็คือผู้ที่ตระหนักได้ว่า " เราถูกจ้างมาด้วยค่าจ้างปริมาณหนึ่ง " ซึ่งก็นับได้ว่าบริษัทเค้าอยากได้อะไรบางอย่ างจากพวกเราแลกกับค่าจ้างนั้นๆ

พวกเราจำเป็นต้องทราบว่าบริษัทว่าจ้างพวกเรามาทำอะไร แล้วก็ ทำมันให้ดียิ่งกว่าที่บริษัทคาดหมายหากปรารถนาความเจริญในหน้าที่ แม้งานที่ทำอยู่รู้สึกว่าไม่ตรงกับ skill หรือ passion ของเรา ก็ไม่ควรอดทนทำไป


น่าจะหางานที่พวกเราทำแล้วพวกเราสุขสบายและก็ทำได้ดีเพื่อดึงประสิทธิภาพของตนออกมาให้สูงที่สุด นอกเหนือจากที่จะทำให้พวกเราเติบโตในหน่วยงานแล้ว ยังมีผลให้เราปรับปรุงตนเองอยู่เสมอเวลาและไม่เบื่อด้วย

เมื่อถึงจุดๆหนึ่งเราจะทราบเองว่าควรจะไปทางไหนต่อ รีบหาสายงานที่ชอบให้ได้ตั้งแต่เนิ่นๆแล้วพวกเราจะเป็น Expert ได้เร็วกว่าผู้อื่น อายุเท่านี้ไม่ต้องกลัวการลาออก จะลาออกกี่ครั้งก็ได้ ถ้าในที่สุดพวกเราเจอสายอาชีพที่เรารักและอย ากทำ จะเป็นอะไรที่คุ้มมาก

รวมทั้งด้วยคอนเซ็ปท์เดียวกัน " เราถูกจ้างมาด้วยค่าจ้างจำนวนหนึ่ง " อย่ าทำงานหนักเกินกว่าค่าแรงงานจนถึงเกินไป ทุ่มเทได้ แต่ว่าควรจะมีคำตอบที่ดีตามออกมาด้วย เป็นต้นว่าได้ปรับเงินเดือน ได้ประเมินดี

หาเวลาอยู่กับพ่อแม่ ญาติๆบ้ า ง หันกลับไปมองดูด้านหลังบ้ า งว่าผู้ที่เป็นบันไดให้เรามายืนจุดนี้ ในเวลานี้เค้าคืออะไรกันบ้ า งนะ...? อย่ าลืมว่าบิดามารดาอายุมากขึ้นทุกวี่วัน ดูแลสุ ข ภ า พ ท่านด้วย ถ้าเกิดเดือนไหนมีเงินเหลือก็ตรวจสุ ข ภ า พ ให้แด่ท่านแล้วหาเวลาไป มันไม่ทุกข์ยากลำบากหรอก แลกเปลี่ยนกับความสบายของพ่อแม่
ลูกน้อง
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13457/