• Welcome to ลงประกาศฟรี โพสฟรี โปรโมทเว็บไซด์ให้ติดอันดับ SEO ด้วย PBN.
 

poker online

ปูนปั้น

คนที่บรรลุเป้าหมาย เป็นเจ้าคนนายคนชอบคิดอย่างงี้

Started by Beer625, April 07, 2023, 01:00:42 AM

Previous topic - Next topic

Beer625

ขณะที่ยังเป็นนักเรียน หลายคนต่างเชื่อเสมอว่าหากได้ตั้งอกตั้งใจเรียน สอบติดคณะที่ใช่

ยิ่งมีโอกาสได้งานที่ดี ค่าตอบแทนรายเดือนที่ดี และยิ่งเป็นอาชีพที่ผู้ใดก็รู้จักเช่น เจ้าหน้าที่รัฐ, วิศวกร


นักธุรกิจยิ่งน่าภาคภูมิใจไปใหญ่ เพราะว่านอกเหนือจากค่าตอบแทนรายเดือนที่ได้ ส ม น้ำ ส ม เ นื้ อ มีเยอะมากๆพอที่จะเผื่อแผ่


ครอบครัวได้ มีสวัสดิการรองรับให้สุขยังเป็นอาชีพที่นับว่า "มีหน้ามีตา" คนไหนกันก็ต้อนรับกันหมด

แต่ในโลกของข้อเท็จจริงแล้ว อาชีพที่ "มีหน้ามีตา" ในสังคม ไม่ได้เหมาะกับทุกคนเสมอไป

และก็ในแต่ละอาชีพ เขาก็มีการระบุอัตรารับสมัครแต่ละปีที่ออกจะจำกัดน่ะสิ !

"แล้วจะเรียนไปทำไม ถ้าสุดท้ายก็ได้งานที่ไม่ตรงสาย/ งานที่น้อยคนจะรู้จัก/ ค่าตอบแทนรายเดือนที่มิได้มากมายก่ายกองอะไร ?"

ปัญหานี้จะได้คำตอบที่ เ ค รี ย ด มากเลย เพราะเหตุว่ามันเต็มไปด้วยความมุ่งหวังที่มีความรู้สึกว่า

"พวกเรามีทางเลือกอยู่ไม่กี่อย่างในชีวิต" แต่ถ้าหากลองเปลี่ยนเป็นความนึกคิด "ฉันปฏิบัติงานอะไรก็ได้


ไม่ว่าจะตรงสายหรือไม่ก็ตาม" มันบางทีอาจมองประโยคขี้แพ้ในสายตาบางบุคคล


แต่ถ้าหากคิดๆดูแล้ว มันได้ความพอใจ เยอะแยะกว่าการตั้งข้อซักถามแบบแรกด้วยเหตุว่าความเป็นจริงของชีวิตคือ

1. มนุษย์ทุกคนมีความสามารถในตัวเอง "ผิดแผก" กันไปเราไม่จำเป็นต้องเก่งเช่นเดียวกันหมด

2. ในรั้วสถานที่เรียน- ม ห า วิ ท ย า ลั ยต่อให้เราได้เรียนกับอาจารย์ที่เก่งแค่ไหน

ขอบเขตความรู้มันก็เป็นเพียงแค่ความรู้ในรั้วเท่านั้นโลกของวัยผู้ใหญ่ที่โตขึ้น เรายังจำเป็นต้องรู้เรื่องอีกมากมาย

ศึกษากันอีก ย า ว ลองถูกลองผิดกันอีกเยอะดังนั้น จะมา ฟั น ธ ง ว่าเรียนมาสายวิทย์

ต้องดำเนินการสายวิทย์ เรียนสายภาษาจำต้องดำเนินการสายภาษา มันก็ไม่ถูกเสมอไป

3. มันคือเรื่องปกติที่มนุษย์เราจะต้องวิ่งตามหาสิ่งที่ "ใช่"

เบาๆศึกษา เบาๆปรับนิสัยไป สิ่งที่เรากำลังสนุกเวลานี้ อาจจะยังไม่ใช่ที่สุด

สิ่งที่พวกเราเก่งเวลานี้ ในภายหน้า มันบางทีอาจเป็นเพียงความทรงจำ

เนื่องจากอาจมีหลายสาเหตุให้คิดมากขึ้น ดังเช่นว่า ควรต้องพับโครงการเรียนต่อเอาไว้

เพราะว่าเงินน้อยเกินไปจะต้องดำเนินงานหารายได้ก่อน และก็หลังจากนั้นจึงค่อยไปเรียนศิลปะที่เราชอบ ...

เราจำเป็นต้องมองจังหวะของชีวิตด้วย (สิ่งที่มีความต้องการของชีวิตแต่ละตอน


4. สิ่งที่เราเรียนมาเป็นสิบเป็นร้อยกว่าวิชา มันคือ "การหล่อหลอม" หลายวิชาไม่ได้

สอนพวกเราทางตรง แต่ว่าให้พวกเราเบาๆดูดซึมข้อดีแต่อย่างไปเอง อาทิเช่น ฝึกความอดทน, ฝึกหัดความละเอียดลออ,

ฝึกหัดความสามารถการเข้าสังคมในกาลครั้งหนึ่งที่เราไม่เห็นประโยชน์ว่าจะใช้อะไรได้จริง พอเพียงโตขึ้นอีกหน่อย

มันก็ต้องมีบ้างแหละที่พวกเรานึกอะไรขึ้นมาจนจำเป็นต้องไปหา อ่ า น ปัดฝุ่นตำราเรียนอีกที

ทุกความรู้ที่เราได้รับ ไม่เคยเสียเปล่า เพียงแค่เรามองไม่เห็นค่ามันเอง ลองนึกดูให้ดีสิ !

5. มนุษย์เราต้องมีโอกาสให้กับชีวิตไว้หลายด้าน หรือ "มีแผนสำหรับการสำรอง"

เพื่อไม่เป็นการปิ ด กั้ นตัวเองจนเหลือเกิน อาทิเช่น ถ้าวุฒิที่พวกเราเรียนมามันหางาน ย า ก จะยอมรึเปล่าที่เอาวุฒิต่ำลงยิ่งกว่านี้หางานไปก่อน?

ถ้าพวกเราไม่ได้อาชีพนี้ พวกเรายอมได้รึเปล่าที่จะทำอาชีพอื่นไปพลางๆก่อน?

ความฝันสิ่งที่ใช่ มันไม่สมควรเป็นสิ่งที่ได้ดังหัวใจในทันทีทันใดมันเป็นเรื่องธรรมดามากมายๆที่จำต้องแลกเปลี่ยนกับความอ่อนเพลีย

ความ พ ย า ย า ม หลายเท่าตัว ก็เลยไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใดถ้าจะพบว่าเพราะเหตุใด ห ม อ

บางบุคคลถึงแต่งเพลงได้?

ทำไมบางคนเรียนวิชาชีพแม้กระนั้นมาเป็นนักแสดง?

ทำไมบางคนเรียนไม่จบแม้กระนั้นบรรลุเป้าหมาย?

หากยังไม่เข้าในข้อนี้ ทดลองย้อนกลับไป อ่ า น ข้อ 4 อีกรอบขึ้นชื่อว่า "ความรู้" เราได้รับมา

ถึงจะไม่ใช้ในทันทีก็ไม่ควรเสียดาย ขึ้นชื่อว่า "ความฝัน" ถึงจะยังไม่ใช่ในวันนี้

ใช่ว่าวันหน้าจะเป็นไปไม่ได้ มันอยู่ที่ตัวเราล้วนๆว่า... "รู้ตัวดีหรือเปล่าว่าทำอะไรอยู่?" รวมทั้ง

"พร้อมจะยืดหยุ่นกับทุกเหตุการณ์ชีวิตรึเปล่า?"

อย่ าลืมว่า...โลกพวกเรากลม และก็มีหลายมิติ ใช่ว่าจึงควรมองดูเพียงด้านเดียว
ข้อคิดชีวิต
ขอบคุณบทความจาก https://freelydays.com/13507/